ชาวนาเฮ 15 ตุลานี้เงินประกันราคาเข้าบัญชี
วันนี้ ( 14 ก.ย.62) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการประชุมชี้แจงนโยบายและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ณ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยนายจุรินทร์ ได้พบกับพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ เพื่อชี้แจงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 (รอบที่1) ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เป็นวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการประกัน รายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวฯ ภายในวงเงินงบประมาณดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์กลางอ้างอิง โครงการ ประกันรายได้ฯ มีมติเห็นชอบขั้นตอนและวิธีดำเนินโครงการฯแล้ว ในฤดูการผลิตนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะสามารถติดต่อขอขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ในรอบที่ 1 นี้ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับ การกำหนดชนิดและราคา ประกันรายได้ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกข้าว ทั่วประเทศ โดยกำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้ ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% โดยชดเชยเป็นจำนวนตัน ในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้ ชนิดข้าว คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาท/ตัน (ครัวเรือนละ14ตัน) ,ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาท/ตัน (ครัวเรือนละ16ตัน) ,ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท/ตัน (ครัวเรือนละ 30 ตัน),ข้าวเปลือกหอมปทมุธานี 11,000 บาท/ตัน (ครัวเรือนละ25ตัน) ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาท/ตัน (ครัวเรือนละ16ตัน)
ส่วนกรณีที่เกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของ ข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุด ยกเว้นพันธุ์ข้าวที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 18 พันธุ์ เนื่องจาก เป็นข้าวอายุสั้น ระยะเวลาดำเนินการ การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/63 รอบที่ 1 ต้องปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 – 28 กุมภาพันธ์ 2563 ระยะเวลาได้รับสิทธิชดเชยให้เป็นไปตามวันเก็บเกี่ยวที่เกษตรกรระบุในทะเบียน เกษตรกร โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแล ฯ จะกำหนดและประกาศราคา เกณฑ์กลางอ้างอิงครั้งแรกในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 (สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิ ตั้งแต่เก็บเกี่ยวถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2562) และครั้งต่อไปทุก ๆ 15 วัน จนถึงวัน สิ้นสุดการใช้สิทธิตามโครงการ คือ 31 ตุลาคมปี 2563 ขั้นตอนและวิธีการ เป็นระบบ ชัดเจน ตรวจสอบได้ ทำให้รอบแรกนี้เงินส่วนต่างเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับครั้งแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2562
เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย จะใช้ข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่รายประเทศของข้าวแต่ละชนิดของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการคำนวณปริมาณผลผลิตของเกษตรกรที่จะได้รับสิทธิในการชดเชย ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนด เกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทำหน้าที่พิจารณา กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ การกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงของการประกันรายได้ ขณะที่ ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักในการจ่ายเงินชดเชย และช่วยประชาสัมพันธ์ โครงการให้เกษตรกรได้รับทราบ ส่วนกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยการจ่ายเงินแก่เกษตรกร ธ.ก.ส. จะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบ โดยเกษตรกรไม่ต้องทำ สัญญากับ ธ.ก.ส.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น